skip to main
|
skip to sidebar
03 เมษายน 2551
ก็จบกันไปแล้วงานมอบประกาศนียบัตร ปีการศึกษา2550
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2551 วิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่งได้ดำเนินการมอบใบประกาศนียบัตรสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่จบในปีการศึกษา 2550 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีท่านผู้อำนวยการ นายเฉลียว เทศทับเป็นผู้มอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
วิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่งบริการอาชีวะร่วมด้วยช่วยประชาชน
ขณะนี้ทางศูนย์อาชีวะร่วมด้วยช่วยประชาชน โดยวิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่งกำลังออกโครงการบริการประชาชนที่บริเวณหน้าวัดโกสินาราย ให้กับผู้สัญจรไปมาระหว่างอำเภอบ้านโป่งกับจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านข่าวหนังสือพิมพ์และทีวี
http://www.matichon.co.th/matichon
http://www.komchadluek.net
http://www.dailynews.co.th
http://www.thairath.co.th
http://www.tv3.co.th
http://www.tv5.co.th
http://www.ch7.com
http://modernine.mcot.net
http://krubanchoed.blogspot.com
สถิติการเข้าชมเว็บเพจ
Tickets
Webmaster
ผู้ดูแลระบบสารสนเทศ นายบรรเจิด คุ้มมณี
โทรศพท์ 0818808736
ปรัชญาวิทยาลัย
ทักษะเยี่ยม เปี่ยมคุณธรรม
ล้ำเลิศวิชา พัฒนาฝีมือ
Motto:EDUCATION IS GROWN
สถานศึกษารางวัลพระราชทาน ปี 2548
ขอเชิญนักเรียนทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมแสดงความคิดเห็นได้ครับ
เข้ามาแสดงความคิดเห็น...คลิก
คลังบทความของบล็อก
▼
2008
(2)
เมษายน
(2)
ประวัติวิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่ง
ครูบรรเจิด
บ้านทุ่งทอง ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, ประเทศไทย
วิทยาลัยการอาชีพบ้านโป่งอยู่ในพื้นที่ ธรณีสงฆ์วัดรางวาลย์ โดยมีนายวิเชียร ตันตระเสนีย์ เป็นผู้ประสานงานและผู้อำนวยการ และพระครูพิบูลธรรมโกศล(พระอธิการฉลาด อติพโล สมณศักดิ์ในขณะนั้น)เป็นเจ้าอาวาสวัดรางวาลย์ยินยอมให้ใช้ที่ธรณีสงฆ์ ตั้งอยู่ที่ บ้านทุ่งทอง หมู่ที่ 3 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2537 ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างเมื่อปี 2539 และได้เริ่มดำเนินการสอนในระดับ ปวช.ในปีการศึกษา 2541 ติดต่อวิทยาลัยได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 3220 0377
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
ประวัติอำเภอบ้านโป่ง
ประวัติความเป็นมาของบ้านโป่ง "คนงามบ้านโป่ง" ส่วนหนึ่งของคำขวัญประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีที่มาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ในคราเสด็จประพาสทางชลมารคตามลำน้ำแม่กลอง เพื่อเสด็จไปยังอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเสด็จผ่านอำเภอโพธารามทรงทอดพระเนตรเห็นชาวเมืองโพธารามต่างแต่งตัวสวยงามนั่งรับเสด็จ จึงมีพระราชดำรัสว่า "คนสวยโพธาราม" ครั้งพระองค์เสด็จขึ้นมาถึงอำเภอบ้านโป่ง ชาวอำเภอบ้านโป่งทั้งชายและหญิงต่างมารอรับเสด็จโดยแต่งตัวกันอย่างเรียบร้อยสวยงาม และนั่งกันอยู่อย่างเป็นหมวดหมู่ด้วยความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยกริยามารยาท เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็น จึงมีพระราชดำรัสขึ้นว่า "คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง" และพระราชดำรัสนี้เป็นที่ปลื้มปิต
ของพสกนิกรชาวอำเภอบ้านโป่งเป็นอย่างยิ่ง อำเภอบ้านโป่ง เป็นอำเภอหนึ่งใน 9 อำเภอ (อีก 1 กิ่งอำเภอ) ของจังหวัดราชบุรี เดิมนั้นเรียกแขวงท่าผา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผาในปัจจุบัน เหตุที่เรียกท่าผา เพราะว่าเป็นท่าน้ำที่มีเลียงผามากินน้ำเป็นประจำ และในอดีตท่าผานี้ คือเมืองโกสินารายณ์ หรือเมืองศมพูกปัฏฏนะ ซึ่งมีความเจริญในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (พ.ศ. 1724 - 1760 ) สมัยรัชกาลที่ 4 บ้านเมืองปราศจากศึกสงคราม จึงได้มีครอบครัวไทย มอญ จีน และลาวได้อพยพมาตั้งรกรากสร้างที่อยู่อาศัยในเขตอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นป่าทึบ เป็นที่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ เพราะบริเวณนี้เป็นดินโปร่ง ที่สัตว์ป่าชอบกิน ชาวบ้านที่อพยพมาเห็นทำเลดีและมีสัตว์ป่าชุกชุมจึงได้หักล้างถางพง เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยและทำการเพาะปลูก จึงทำให้บริเวณนี้บางตาลงไป และหมดสภาพจากป่าทึบที่อุดมสมบูรณ์กลายสภาพเป็นป่าโปร่ง ต่อมาคำว่า "ป่า" ก็กลายเป็น "บ้าน" เนื่องจากมีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยแทนที่ และคำว่า "โป่ง" ก็มาจากคำว่า "ดินโป่ง" หรือ "ป่าโปร่ง" จนในที่สุดก็เรียกเพี้ยนจาก "ป่าโปร่ง" มาเป็น "บ้านโป่ง" มาจนถึงทุกวันนี้ต่อมา พ.ศ. 2439 ได้มีการสร้างทางรถไฟสายบางกอกน้อย ถึงจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งผ่านอำเภอบ้านโป่ง และมีการสร้างสถานีรถไฟขึ้นไม่ไกลจากแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งเป็นจุดขนถ่ายสินค้าต่าง ๆ ทำให้บ้านเมืองมีความเจริญขึ้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้ทรงเลือกอำเภอบ้านโป่งเป็นค่ายลูกเสือป่า และเสด็จมาประทับที่ค่ายแห่งนี้ ในปี พ.ศ. 2466 ซึ่งชาวบ้านเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า "ค่ายหลวง" เพราะเป็นค่ายของ "ในหลวง" ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคตแล้ว การซ้อมรบของลูกเสือป่าก็ถูกระงับไปด้วย พื้นที่บริเวณค่ายหลวงนี้ได้ถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของเอกชน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนตลอดมาทำให้พลับพลาที่ประทับ และบ้านพักเสือป่าถูกรื้อถอนไปจนหมดสิ้น เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อำเภอบ้านโป่ง เป็นสถานที่ที่ทหารญี่ปุ่น ได้ระดมเชลยศึกพันธมิตรก่อสร้างทางรถไฟจากหนองปลาดุกสู่ประเทศพม่า เพื่อขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ จนเป็นที่มาของเส้นทางของรถไฟสายมรณะ และภายหลังที่สงครามสงบลง ทางรถไฟสายนี้ถูกรื้อถอนเหลือเพียงแค่สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย และถนนสายกาญจนบุรี - กรุงเทพฯ ที่สร้างขึ้นในสมัยนั้นได้นำความเจริญมาสู่อำเภอบ้านโป่ง เพราะเป็นจุดรวมของการคมนาคม ทั้งทางน้ำและทางบก ทำให้ผู้คนมาตั้งรกรากมากขึ้นมีการค้าขายการปลูกสร้างห้องแถวเพิ่มขึ้นและได้เกิดอัคีภัยขึ้นครั้งหลังสุด เมื่อ พ.ศ. 2497 อาคารร้านต่าง ๆ ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้น หลังจากนั้นก็มีการสร้างตึกแถว อาคารพาณิชย์แทนอาคารไม้ และกล่าวกันว่า ผังเมืองเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง เป็นผังเมืองที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง เพราะมีลักษณะเชื่อมโยงกันทุกถนนเหมือนใยแมงมุมกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งตำบลบ้านโป่งเป็นสุขาภิบาลบ้านโป่ง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2459 และยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองบ้านโป่ง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478 และหลังจากนั้นอีก 1 ปี สุขศาลาเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ซึ่งเป็นรากฐานของโรงพยาบาลบ้านโป่งก็ถือกำเนิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น